รีวิวเกม Mario + Rabbids Sparks of Hope

การจับมือกันของ 2 ค่ายเกมเป็นเรื่องปรกติ แต่การนำ Super Mario ไปอยู่ในเกมของค่ายอื่นอาจจะไม่ได้เห็นบ่อยนัก เพราะเป็นที่รู้กันว่าปู่นินหวงตัวละครของค่ายมาก ทำให้การมาของ Mario + rabbids ภาคแรกที่ออกบน Nintendo Switch เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์มาก

 

โดย Mario + rabbids หนึ่งในซีรีส์ที่ค่าย Ubi Soft จับมือกับ Nintendo และมันสามารถนำลุงหนวดของเราไปสู่โลกที่แตกต่างกับเกมเพลย์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์ Mario มาร่วมมือกับกระต่าย rabbids ได้ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อจนมีการสร้างภาคต่อออกมาในปีใน Mario + rabbids Sparks Of Hope วางขายเฉพาะบน Nintendo Switch เหมือนเดิม

 

เรื่องราวในภาคนี้ลุงหนวดของเราต้องจับมือกับ กระต่ายสุดป่วนที่คราวนี้ขยายโลกในเกมไปใหญ่ถึงระดับจักรวาล เพราะตัวร้ายใหม่ Cursa ได้ปล่อยสารมืด Darkmess ไปทั่วอวกาศพร้อมกับไปลักพาตัว Sparks สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการรวมตัวของ Lumas และ Rabbids ทำให้ทั้งกาแล็กซีเกิดความโกลาหล Mario และเพื่อน ๆ ต้องออกไปต่อสู้กับตัวร้ายและรวบรวม Sparks ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป

 

แน่นอนว่าในเมื่อภาคนี้มาพร้อมการท่องอวกาศทำให้มันอ้างอิงถึงเกม Super Mario Galaxy ทำให้มี Rosalina เวอร์ชัน Rabbids นอกจากนี้ คุปป้า มาเป็นตัวละครที่เล่นได้ด้วย แถมด้วยตัวละครใหม่อย่าง Edge กระต่ายสุดหล่อที่มาพร้อมดาบยักษ์เหมือนหลุดมาจากเกม Final Fantasy รวมกันแล้วถือว่าเพิ่มความหลากหลายของตัวละครได้มากกว่าภาคแรก

 

กราฟิกไม่พัฒนาแต่ไม่ได้ดูแย่ เนื่องจากมันเป็นซีรีส์ Mario ที่สร้างโดยทีมงาน Ubisoft ทำให้กราฟิกใช้ Snowdrop Engine ในการสร้างภาพ ที่ใช้มาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว แต่เวลาผ่านมา 4 ปีกราฟิกใน Sparks Of Hope ไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย แถมบางส่วนของฉากลดรายละเอียดลงเช่นตัวละครประกอบ แน่นอนว่าภาพอาจจะไม่ใช่จุดขายของเกมนี้ แต่ความจริงน่าจะทำได้ดีกว่านี้หน่อย เพราะเกมที่ใช้ภาพแบบเดียวกันอย่าง Luigi’s Mansion 3 ยังทำออกมาได้ดีกว่านี้มาก

 

ส่วนที่ทั้งมาแปลกและน่าประทับใจ คือเพลงประกอบที่มีการแต่งใหม่ไม่ได้อ้างอิงจากซีรีส์ Mario เป็นการแต่งใหม่ให้เข้ากับฉากที่เป็นโลกแฟนตาซี ที่มีความแตกต่างของภูมิประเทศ และเนื่องจากธีมภาคนี้จะตะลุยอวกาศทำให้มีการใส่เพลงที่เร้าใจเหมือนกับได้ท่องไปในดินแดนที่ไม่เคยรู้จัก ส่วนเสียงพากย์มาแบบผสมผสาน เพราะบางตัวละครจะพูดไม่ได้โดยตรงมีเพียงเปล่งเสียงที่ฟังไม่ออกว่าพูดว่าอะไรประมาณหนังมินเนี่ยน แต่บางตัวละครก็มีเสียงพากย์เพื่อเล่าเรื่อง

 

รูปแบบการเล่นสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ เกมเพลย์อย่างที่รู้กันว่ามันมาแนววางแผนการรบแบบเทิร์นเบสผลัดกันโจมตีคนละตา แต่เราจะไม่ได้เดินเป็นช่อง ๆ ผู้เล่นมีอิสระในการเดินอย่างไรก็ตามมันยังถูกจำกัดไม่ได้เดินไปได้ทั่วฉาก ส่วนนี้จะคล้ายกับซีรีส์ X-com ส่วนตัวละครหลักแม้จะมาจากเกม Mario แต่จะใช้อาวุธหลักเป็นปืนพลังงานไว้ยิงศัตรู และเราต้องหาที่กำบังระหว่างเล่นด้วยทำให้มันมีความเป็นแอ็กชันสูงมาก

 

ความโดดเด่นอีกส่วนที่ทำให้มันดูเร้าใจกว่าเกมวางแผนทั่วไปคือแอ็กชันจาก Mario ที่มีทั้งการสไลด์ตัวเพื่อโจมตี และกระโดดไปบนตัวเพื่อนเพื่อเพิ่มพื้นที่การเดิน ที่ตัวละครจะกระโดดไปเกาะบนหุ่นผู่ช่วยเพื่อร่อนตัวไปทำให้การเล่นรวดเร็วไม่น่าเบื่อเลย บวกกับท่าไม้ตายพิเศษที่หลากหลายและมีความจำเป็นต่อการเล่นที่มีทั้งการโจมตีระยะไกลและประชิด หรือการเติมพลัง แต่ด้วยความเร็วในการเล่นทำให้เกมเพลย์ไม่น่าเบื่อเลย แม้ว่าเราจะต้องเจอการต่อสู้ค่อนข้างถี่ แต่หากวางแผนกลยุทธ์ให้ดีก็ใช้เวลาไม่นานก็ผ่านได้ ถือเป็นจุดเด่นมาต้้งแต่ภาคแรกมาคราวนี้ทำได้ดีกว่าเดิมมาก

 

ฉากให้สำรวจเยอะกว่าที่คิด สิ่งที่เพิ่มมาและเป็นจุดเด่นในภาคนี้คืองานออกแบบฉาก เพราะมันทำออกมาได้ดีงามกว่าเดิมมากทั้งฉากหลักที่เป็นการเดินบนแผนที่แบบ 3 มิติเต็มรูปแบบ ที่น่าประทับใจมากคือความกว้างที่เพิ่มเติมมาจากภาคก่อน และยังมีปริศนาให้สำรวจฉากมาก บางด่านเราต้องแก้ปริศนาแบบพัซเซิลที่ซับซ้อนพอตัว หรือมีเขาวงกตมาให้เราเดินสำรวจ และยังมาพร้อมกับทางลับที่ซ่อนอยู่เพียบราวกับมันเป็นแอ็กชัน RPG แถมยังมีภูมิประเทศที่หลากหลายเพราะได้ท่องไปทั่วจักรวาล ทำให้งานออกแบบด่านแทบไม่ซ้ำกัน